หลังจากกลับจากบ้านจอยแคร์ก็เดินทางไปอีกหลายวัดเลยค่ะ ทั้งวัดเขียน วัดสำโรงสูง วัดบ้านชำแระ วัดบ้านบิง วัดบ้านดองกำเม็ด และสุดท้าย วัดบ้านใจดี จุดประสงค์หลักของการไปครั้งนี้คือการไปดูเขาก่อเจดีย์ทรายค่ะ
วัดบ้านใจดี
การเดินทางจากศรีแยกไฟแดงกลางเมืองขุขันธ์ ขับรถไปบนถนนไกรภักดี ถนนหมายเลข 2201 มุ่งหน้าไปทิศตะวันตก ขับรถไปประมาณ 3 กิโลเมตร จะถึงสามแยกบ้านแทรง ให้เลี้ยวขวา ขับรถตรงไปเรื่อยๆ เข้าไปในหมู่บ้านใจดี ตรงไปตลอดทาง สุดทางเป็นทุ่งนา ให้เลี้ยงขวาอีกที จะพบประตูวัดค่ะ ระยะทางจากสามแยกบ้านแทรง ประมาณ 4 กิโลเมตรค่ะ
จากภาพ จุดเริ่มต้น คือ สี่แยกไฟแดงกลางอำเภอขุขันธ์, จุดหมาย คือ วัดบ้านใจดี
(ถ้าค้นจาก https://maps.google.co.th พิกัดจุดเริ่มต้น คือ 14.715151,104.199493 และ พิกัดจุดหมาย คือ วัดบ้านใจดี)
ลานกิจกรรมวัดบ้านใจดี + โบสถ์ + ประตูหลังวัด
ตอนนี้คนที่นี่กำลังเริ่มก่อเจดีย์ทรายค่ะ
ผู้ใหญ่ก็เตรียมดินไป ส่วนเด็กๆ สาวๆ ก็พากันหาดอกไม้มาสมทบด้วยค่ะ
ชาวบ้านช่วยกันหาดอกไม้มาไว้ประดับเจดีย์
แคร์เองก็ได้เก็บดอกไม้ไปช่วยประดับเจดีด้วยเหมือนกันค่ะ
เวลาผ่านไป ชาวบ้านก็เริ่มมากันมากขึ้น ในการก่อเจดีย์ทรายขนาดใหญ่ต้องใช้แรงเยอะ หน้าที่นี้จึงเป็นหน้าที่ของผู้ชายไป ส่วนผู้หญิงก็รับหน้าที่ในการจัดเตรียมดอกไม้ค่ะ
แคร์เก็บดอกไม้ไปช่วยประดับเจดีย์ + นำดอกไม้ที่เตรียมมาไปสมทบกับของชาวบ้านใจดี
เวลาผ่านไป ชาวบ้านก็เริ่มมากันมากขึ้น ในการก่อเจดีย์ทรายขนาดใหญ่ต้องใช้แรงเยอะ หน้าที่นี้จึงเป็นหน้าที่ของผู้ชายไป ส่วนผู้หญิงก็รับหน้าที่ในการจัดเตรียมดอกไม้ค่ะ
บรรดาผู้ชายในหมู่บ้านร่วมแรงกันขึ้นรูปเจดีย์ทราย
เจดีย์ขึ้นรูปสำเร็จแล้ว ชาวบ้านก็พากันขึ้นรถไปเก็บดอกไม้มาใช้ประดับเจดีย์ เหลือเพียงบางคนที่ช่วยเก็บรายละเอียดของเจดีย์ค่ะ
ผู้หญิงกำลังเตรียมดอกไม้ไว้สำหรับประดับเจดีย์
ผู้หญิงกำลังเตรียมดอกไม้ไว้สำหรับประดับเจดีย์
เจดีย์นี้มีการนำดอกไม้มาประดับแล้วค่ะ
เจดีย์นี้กำลังขึ้นลาย วางแผนว่าจะประดับดอกไม้ไว้ตรงไหนบ้าง
ชาวบ้านบางส่วนก็ช่วยกันปัดน้ำและโคลนออกจากเจดีย์ + ในขณะที่มีการเริ่มประดับดอกไม้ที่ยอดของเจย์ดีแล้วค่ะ
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่เช้าบ้านก็ยังช่วยกันก่อเจดีทรายกับอย่างแข็งขัน
ชาวบ้านช่วยกันประดับดอกไม้บนเจดีย์ทราย
ชาวบ้านช่วยกันประดับดอกไม้บนเจดีย์ทราย
* การที่ต้องมีการขนทรายเข้าวัด เพราะมีความเชื่อว่า เมื่อเราเข้าวัดแล้วเดินออกจากวัดมา เท้าของเราได้เหยียบเอาดินของวัดติดรองเท้าออกมาด้วย จึงต้องมีการนำทรายไปคืนที่วัดในเทศการนี้นี่เองค่ะ
บรรยากาศวันสงกรานต์บ้านใครเป็นยังไงกันบ้าง comment มาเล่าสู่ฟังบ้างนะคะ ^ ^
สมัยก่อนตอนที่แคร์ยังเด็กมากๆ ตอนนั้นที่วัดเขียนยังมีต้นมะม่วงต้นใหญ่อยู่เลยค่ะ ในวัดไม่ร้อนเพราะมีต้นไม้ใหญ่อยู่เยอะ มีลานดินใต้ต้นมะม่วง เป็นลานใช้ทำกิจกรรมต่างๆได้ สมัยนั้นในวัดจะจัดกิจกรรมวันสงกรานต์ใหญ่โต ผู้คนเข้าวัดกันมากมาย ช่วงเช้าไปสรงน้ำพระ และนำพระพุทธรูปที่บ้านไปสรงน้ำที่วัด พอช่วงบ่ายก็ตักดินที่บ้านใส่ครุไปรวมกันกับคนอื่นๆ ที่เตรียมดินมาเช่นกัน จากนั้นก็ทำการก่อเจดีย์ทรายเป็นรูปเจดีย์บ้าง รูปสัตว์บ้าง มีการประดับดอกไม้ แล้วปักธง ปักธูป ปักเทียน สร้างความสนุกสนานแก่บรรดาเด็กๆและผู้ร่วมกิจกรรม บรรยากาศวันสงกรานต์สมัยนั้นสนุกมากค่ะ บางปีจะมีฉายหนังกางแปงด้วย เป็นความรู้สึกตื่นเต้นแบบเด็กๆ แคร์โชคดีที่ได้มีโอกาสเห็นภาพบรรยากาศเช่นนั้น ถึงตอนนี้แคร์อายุ 24 ปีแล้ว บางคนอายุเท่ากันหรือคนอายุมากกว่าแคร์บางคน ยังไม่เคยเห็นภาพบรรยากาศเช่นนั้นเลย ปีนี้รู้สึกตัวเองแก่ขึ้นหรือเปล่าไม่รู้นะคะ ดูโหยหาอดีตจัง แคร์เลยขับรถไปดูหลายที่เพื่อเก็บภาพบรรยากาศเช่นนี้มาฝากแฟนๆ บล็อกแคร์ จากการสังเกตหลายวัดที่แคร์ไป ด้วยยุค สมัย และวิถีชีวิตของคนที่เปลี่ยนไป ทำให้ประเพณีเช่นนี้ มีการเปลี่ยนแปลงไปบาง ตามยุค ตามสมัย และวิถีชีวิตของคนที่เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน
* การที่ต้องมีการขนทรายเข้าวัด เพราะมีความเชื่อว่า เมื่อเราเข้าวัดแล้วเดินออกจากวัดมา เท้าของเราได้เหยียบเอาดินของวัดติดรองเท้าออกมาด้วย จึงต้องมีการนำทรายไปคืนที่วัดในเทศการนี้นี่เองค่ะ
บรรยากาศวันสงกรานต์บ้านใครเป็นยังไงกันบ้าง comment มาเล่าสู่ฟังบ้างนะคะ ^ ^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น